วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การบริหารงานบุคคล ประจำศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

ที่มา : http://www.synaptic.co.th/managing_a_successful_sales_team_th.html

แบบทดสอบท้ายบท

1. อธิบายภารกิจหรือกิจกรรมที่สำคัญๆ ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง

ตอบ        ภารกิจหรือกิจกรรมที่สำคัญในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่
               
                1. การเลือก จัดหา การลงทะเบียน ทำบัตรรายการ การบริการการใช้ ตลอดจนเก็บบำรุงรักษาวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ

                2. การผลิตสื่อการสอน เช่น ผลิตวัสดุกราฟิก การบันทึกเสียง ทำรายการวิทยุและโทรทัศน์

                3. จัดกิจกรรมทางวิชาการ เช่น การฝึกอบรมครูประจำการ การวิจัย การจัดนิทรรศการ ตลอดจนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

                4. การบริหาร เช่น การจัดบุคลากร การนิเทศ การบันทึกรายการ การติดต่อประสานงานและการทำงบประมาณ เป็นต้น

                5. การประเมินกิจกรรมต่างๆ

2. ถ้าหากพิจารณาบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะประกอบด้วยบุคคลด้านใดบ้าง


ตอบ        ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ไม่ว่าจะจัดในรูปแบบใดก็ตามจะมีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญจำแนกได้ดังนี้

                1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงาน เพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยต้องมีฝ่ายรับผิดชอบ ดังนี้

                    1.1 หัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่า หัวหน้าศูนย์หรือผู้อำนวยการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ก็ได้จะเรียกชื่ออย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับขอบข่าย และปริมาณงานที่รับผิดชอบ โดยทั่วไปจะเป็นบุคคลที่จบการศึกษาด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาที่มีความรู้ ด้านบริหาร ออกแบบ นิเทศการศึกษา การวิจัย การผลิต และการให้บริการสื่อการศึกษามาก่อน

                    1.2 หัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่าย จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบงานในแต่ละฝ่าย เช่น หัวหน้าฝ่ายผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ หัวหน้าฝ่ายการบริการสื่อ เป็นต้น ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ในแต่ละสถาบันจะมีงานอะไรบ้างนั้นก็พิจารณาได้จากการวิเคราะห์งานและภารกิจ หัวหน้างานต้องมีความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับการผลิต การใช้และการบริการสื่อมาก่อน

                    1.3 เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุม การจัดการงานต่างๆ เช่น งานธุรการ งานบุคคล งานพัสดุ งานจัดระบบงาน ฯลฯ

                    1.4 พนักงานธุรการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านต่างๆ บุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวกับด้านนี้ โดยทั่วไปจะใช้ผู้ที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้ เช่น งานธุรการหรืองานสารบรรณ งานดำเนินการจัดซื้อพัสดุ งานครุภัณฑ์ งานจัดทำทะเบียนและเบิกจ่ายพัสดุครุภัณฑ์ของสำนักงาน
                    
                    1.5 เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลต่างๆลงในคอมพิวเตอร์หรือพิมพ์เอกสาร หนังสือโต้ตอบ หนังสือคำสั่ง รายงานการประชุม เป็นต้น

               2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่นำโครงการต่างๆ ออกสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
                   นอกจากนั้นแล้วด้านการบริการยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการสำรวจและจัดหา จัดเก็บแยกหมวดหมู่ และจัดทำทะเบียนบัญชีสื่อ รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมบารุงสื่อด้วย โดยมีฝ่ายที่รับผิดชอบ เช่น

                    2.1 บรรณารักษ์ โดยจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหา การให้เลขหมู่
ทำบัตรรายการ เก็บรวบรวมสถิติ ให้คำปรึกษาและบริการในการค้นหาสื่อต่างๆ
          

                    2.2 นักวิชาการคอมพิวเตอร์ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการติดตั้งการใช้คอมพิวเตอร์ ดูและระบบคอมพิวเตอร์และปฏิบัติงานหน้าที่อื่นๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
                    2.3 นายช่างอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงรักษา ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปฏิบัติการเกี่ยวกับเสียง ช่างตัดต่อ ช่างกล้อง จัดซื้อจัดหา ทำบัญชีวัสดุอุปกรณ์ เป็นต้น โดยมากบุคลากรที่รับผิดชอบด้านนี้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ ทางช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้า หรือ ช่างวิทยุและโทรคมนาคม

              3. ด้านการผลิตสื่อ บุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น

                    นักวิชาการโสตทัศนศึกษา จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการออกแบบและผลิตสื่อการเรียนการสอนในระดับต่างๆ การออกแบบประเมินและวิจัยสื่อ ซึ่งบุคลากรที่รับผิดชอบด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาอย่างต่ำระดับปริญญาในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา วารสารศาสตร์ ศิลปศึกษา เทคโนโลยีการพิมพ์ เป็นต้น
                    นักวิชาการช่างศิลป์ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านการออกแบบภาพประเภทต่างๆ ตัวอักษรประกอบคำบรรยายออกแบบแผ่นป้าย แผนภาพประชาสัมพันธ์ ทำรูปปั้นจำลองสื่อวัสดุสามมิติและอื่นๆ นอกจากนั้นยังเป็นผู้กำหนดและประมาณการขั้นต้นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติทางด้านศิลปะ หรือวัสดุที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติกราฟิก


                    นายช่างภาพ มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการเตรียมจัดหา และเก็บรักษาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพและในห้องปฏิบัติการถ่ายภาพ ล้างอัดขยายภาพ จัดเก็บรักษาฟิล์มโดยบุคลากรในด้านนี้ต้องเป็นผู้มีความรู้ในทางการถ่ายภาพไม่ต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง

               4. ด้านวิชาการ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการศึกษาค้นคว้า พัฒนาและเผยแพร่ผลงาน สร้างวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับการผลิตและการใช้สื่อ จัดการฝึกอบรม การเผยแพร่ความรู้ การประเมินคุณภาพสื่อ การประเมินการบริการ เป็นต้น
                   นอกจากนั้นแล้วฝ่ายวิชาการยังต้องวิจัยและพัฒนาสื่อการศึกษาทั่วไปและวิจัยสื่อรวมถึงการพัฒนาสื่อให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ฉะนั้นบุคลากรฝ่ายนี้จึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความชำนาญทั้งด้านการศึกษา ด้านการวิจัยและมีความรู้เทคโนโลยีทางการศึกษา ผู้ซึ่งรับผิดชอบ ได้แก่ 

                     นักวิชาการศึกษา มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการวิจัยและเป็นผู้ช่วยในการวิจัยสื่อต่างๆ รวมถึงเป็นผู้ช่วยในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
                     นักวิจัย มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการวิจัยและพัฒนาสื่อร่วมกับนักวิชาการโสตทัศนศึกษา และเป็นผู้ออกแบบในการวิจัย รวมถึงการวิเคราะห์และสรุปผลการวิจัยสื่อ

               5. ด้านการปรับปรุงการเรียนการสอน ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเป็นสำคัญในการจัดหาสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหาแต่ละวิชาตามความจำเป็นให้เพียงพอ และยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ครูอาจารย์ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษา

               6. ด้านกิจกรรมอื่น เช่น มีบทบาทหน้าที่ประชาสัมพันธ์สถาบันต่อชุมชนจัดนิทรรศการหรือจัดการแสดงความก้าวหน้าต่างๆ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ควรมีกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่สังคม และจัดแสดงสาธิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผู้สนใจ การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง


3. ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จำแนกเป็นประเภทที่สำคัญได้กี่ประเภท

ตอบ       ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
                 
               1. บุคลากรทางวิชาชีพ (Professional Staff) ได้แก่ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาระดับปริญญา ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ (Media Specialists) หรือบางที่อาจเรียกว่า "นักวิชาการการโสตทัศนศึกษา" ก็ได้ส่วนใหญ่บุคลากรกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร อำนวยการประสานเกี่ยวกับสื่อ และอำนวยการให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 


               2. บุคลากรกึ่งวิชาชีพ (Paraprofessional Staff) คือ บุคคลที่ได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพโดยมีหน้าที่ช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาชีพเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือด้านบริการ

               3. บุคลากรที่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพ (Non-professional Staff) บุคลากรประเภทนี้ทำหน้าที่ทางด้านธุรกิจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งจะมีคุณวุฒิหลากหลายจะใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะในหน้าที่ของตน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจำนวนบุคคลในแต่ละประเภทจะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับนโยบาย ขนาดหรือปริมาณของงาน ขอบเขตของการให้บริการ ลักษณะของระบบงานบริการ จำนวนผู้ใช้บริการ และงบประมาณของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละแห่งเป็นสำคัญ


4. ท่านมีขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน มาใช้บริการในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร จงอธิบาย

ตอบ       การจัดการหาสื่อเพื่อบริการ ในการจัดหาสื่อมาไว้บริการภายในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว มีระบบ ระเบียบ สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้

              ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นการสำรวจสภาพของสื่อในสถานศึกษา เพื่อสำรวจหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นข้อมูลมาประกอบการจัดหา ได้แก่
                                  1. การสำรวจสื่อวัสดุ (Materials) การสำรวจสื่อวัสดุมีรายการที่ต้องการทราบ คือ ชนิดของวัสดุ  ชื่อเรื่อง  แหล่งที่เก็บ (Location)  แหล่งที่ได้มา สภาพการใช้งานปัจจุบัน

                                  2. การสำรวจเครื่องมือ (Equipments) ชนิดของเครื่องมือ แบบ/รุ่น แหล่งที่เก็บ แหล่งที่ได้มา จำนวน สภาพการใช้งานปัจจุบัน

              ขั้นตอนที่ 2 การสำรวจสถานที่ เป็นขั้นตอนการสำรวจวางแผนจะใช้สถานที่ส่วนใดบ้างในการทำกิจกรรม เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่ามีสถานที่และสิ่งอานวยความสะดวกที่ต้องการมีเพียงพอแล้วหรือยัง และจะต้องการจัดหาอะไรเพิ่มเติมบ้าง

              ขั้นตอนที่ 3 การสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อต้องการทราบถึงความต้องการใช้สื่อประเภทต่างๆ โดยนำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการจัดหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นก่อนการจัดหาหรือจัดซื้อสื่อมาไว้บริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวจและศึกษาความต้องการของผู้ใช้ก่อนเสมอ
              การสำรวจความต้องการใช้สื่อในการเรียนการสอนสามารถทำได้หลายลักษณะ ได้แก่

             1. การสัมภาษณ์ ซักถามเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มย่อย
             2. การสังเกต เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ต้องการข้อมูล สามารถนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลโดยดูจากพฤติกรรมการใช้สื่อที่มีมาแต่เดิม
             3. การใช้แบบสอบถาม เป็นการสำรวจที่ได้รายละเอียดมากกว่าแบบอื่นๆ

             ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นการจัดหา โดยนำข้อมูลที่ได้มาจากความต้องการแล้วทำเป็น
โครงการสั้นๆ หรือโครงการระยะยาว เพื่อวางแผนในเรื่องงบประมาณในการจัดหาต่อไป ในการจัดซื้อผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญของผู้ใช้ โดยจัดซื้อเฉพาะสื่อที่มีคุณภาพ ประหยัดงบประมาณ ก่อนจัดซื้อสื่ออะไรมาไว้บริการจะต้องมีการประเมินค่าสื่อนั้น โดยคณะกรรมการประเมินค่าสื่อเพื่อพิจารณาว่าสื่อหรือวัสดุอุปกรณ์มีคุณค่าต่อการเรียนการสอนมากน้อยเพียงไร มีข้อดีและข้อจากัดอย่างไร เพื่อให้การจัดซื้อจัดหาสื่อมาไว้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่


5. อธิบายวิธีการจัดซื้อจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมและบริการ ท่านมีหลักเกณฑ์สำคัญ อะไรบ้าง

ตอบ     ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อสื่อการศึกษา

             การจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนต่างๆ ของส่วนราชการจะต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 คาว่า “พัสดุ” ในระเบียบดังกล่าว หมายถึง วัสดุ ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างในระเบียบดังกล่าว ได้ระบุการซื้อไว้ว่าสามารถกระทำได้ 5 วิธี คือ (วนิดา (นิ่มเสมอ) จึงประสิทธิ์. ม.ป.ป. : 37 )


            1. วิธีตกลงราคา
            2. วิธีสอบราคา
            3. วิธีประกวดราคา
            4. วิธีพิเศษ
            5. วิธีกรณีพิเศษ



            วิธีตกลงราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาไม่เกิน 50,000 บาท มีวิธีการ คือ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุต่อรองและตกลงราคากับผู้ขาย แล้วให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ

            วิธีสอบราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกินกว่า 20,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท การซื้อโดยวิธีสอบราคาให้ดำเนินการ ดังนี้

            1. หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการการเปิดซองสอบราคา และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
            2. ก่อนวันเปิดซองไม่น้อยกว่า 7 วัน ให้หัวหน้าส่วนราชการปิดใบแจ้งสอบราคาไว้โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของส่วนราชการนั้น กับให้ส่งใบแจ้งสอบราคาดังกล่าว ไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เสนอราคาเป็นหนังสือผนึกซองยื่นต่อเจ้าหน้าที่พัสดุโดยตรง หรือโดยผู้แทนซึ่งได้รับมอบหมายหนังสือภายในวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด
            3. ให้เจ้าหน้าที่พัสดุรับซองใบเสนอราคาที่ยื่นมาทุกรายโดยไม่เปิดซอง เมื่อครบกำหนดแล้วให้ส่งมอบซองใบเสนอราคาพร้อมทั้งรายงานผลการรับซองต่อคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อดำเนินการต่อไป เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองแล้ว ห้ามรับซองใบเสนอราคาจากผู้หนึ่งผู้ใดอีก

            4. คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เปิดซองใบเสนอราคาโดยเปิดเผยต่อหน้าผู้ยื่นซองหรือผู้แทนและตรวจ


           วิธีประกวดราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 1,000,000 บาท มี วิธีดำเนินการ ดังนี้
           
            1. หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งกรรมการ ดังนี้
               1.1 คณะกรรมการรับซองประกวดราคาและเปิดซอง
               1.2 คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
               1.3 คณะกรรมการตรวจรับวัสดุ

            2. ให้ปิดประกาศหรือใบแจ้งประกวดราคา โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของส่วนราชการนั้นและประกาศทางวิทยุกระจายเสียง หรือลงประกาศในหนังสือพิมพ์ของทางราชการ หากเห็นควรจะส่งประกาศหรือใบแจ้งประกวดราคาดังกล่าวไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือจะโฆษณาด้วยวิธีอื่นอีกก็ได้ การดำเนินการจะต้องกระทำก่อนวันรับซองประกวดราคาไม่ร้อยกว่า 15 วัน



            3. การรับซองประกวดราคากระทำได้ 2 วิธี คือ จัดตู้ทึบหรือหีบทึบมีช่องสำหรับสอดซองประกวดราคาไว้ ณ ที่ทำการของผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ตั้งกรรมการรับซองประกวดราคา            4. เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองประกวดราคาแล้ว ให้ส่งมอบตู้หรือหีบบรรจุซองประกวดราคาและเอกสารหลักฐานต่างๆพร้อมด้วยบันทึกรายงานรับซองประกวดราคาต่อคณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา

            5. คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา โดยเปิดซองประกวดราคาอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้เข้าประกวดราคาหรือผู้แทน

            6. คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคา แคตาล็อค หรือรูปแบบและรายละเอียดแล้วคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตามเงื่อนไขใบแจ้งประกวดราคา
            7. พิจารณาคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและเสนอราคาต่ำสุด

            วิธีพิเศษ ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 50,000 บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีใดดังต่อไปนี้
            1. เป็นพัสดุขายทอดตลาด
            2. เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นองค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานของต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ
            3. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการ
            4. เป็นพัสดุเพื่อใช้ในราชการลับ
            5. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อโดยตรงต่างประเทศ หรือดำเนินการโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศ
            6. เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะหรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรง
            7. เป็นพัสดุที่ดำเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี
            8. เป็นพัสดุที่เป็นที่ดินและ/หรือสิ่งก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง




            การซื้อโดยวิธีพิเศษมีวิธีการดำเนินการ ดังนี้

           1. ให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษขึ้น เพื่อดำเนินการเป็นกรณีไป เช่น กรณีที่ต้องจัดซื้อเร่งด่ว นหากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการให้เชิญผู้มีอาชีพขายพัสดุนั้นโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนั้นยังสูงกว่าราคาในท้องตลาด หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรก็ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้
           2. เมื่อดำเนินการแล้วได้ผลประการใดให้คณะกรรมการเสนอรายงานพร้อมด้วยความเห็นต่อส่วนราชการผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุเพื่อการต่อไป

           วิธีกรณีพิเศษ ได้แก่การซื้อในกรณีต่อไปนี้

           1. การซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ทำหรือผลิตวัสดุนั้นๆ ขึ้นเอง และนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อหรือจ้างได้เป็นการทั่วไป หรือเป็นการเฉพาะคราว

           2. การซื้อที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ต้องซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ
           การส่งซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษให้หัวหน้าส่วนราชการสั่งซื้อจากส่วนราชการหน่วยงานอื่นได้โดยตรง เว้นแต่การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน 20,000 บาท ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อหรือจ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น