วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ภาควิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ ศึกษาดูงานการให้บริการสำนักหอสมุด


สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา





ประวัติ

           สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการ สารสนเทศเพื่อการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย พัฒนามาจากห้องอ่านหนังสือ ซึ่งเปิดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 โดยใช้ห้องเลขที่ 203 ในอาคารเรียนของวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ห้องสมุดได้ย้ายมาอยู่อาคารอำนวยการ โดยได้ใช้ห้องชั้นล่างของอาคารเป็นที่ปฏิบัติงานจนถึงปี พ.ศ. 2503 วิทยาลัยได้สร้างอาคารเรียนหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย ห้องสมุดได้ย้ายอีกครั้งมาอยู่ในห้องโถงชั้นล่างของอาคารเรียนซีกหนึ่ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 วิทยาลัยได้งบประมาณก่อสร้างอาคารหอสมุดเป็นเอกเทศ มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น และเปิดใช้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2516

           เมื่อวิทยาลัยวิชาการศึกษาได้รับการเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒ วิทยาเขตบางแสน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตามลำดับนั้น ในปีงบประมาณ 2536-2539 สำนักหอสมุดได้รับงบประมาณการก่อสร้างอาคารสำนักหอสมุดหลังใหม่สูง 7 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 11,500 ตารางเมตร และได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “อาคารเทพรัตนราชสุดา” และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2538
ปรัชญา

            ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้สู่การพัฒนาสังคม

ปณิธาน

            ก้าวสู่ความเป็นเลิศทางการให้บริการสารสนเทศ พร้อมกับมุ่งมั่นให้บริการดัวยความสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ น่าเชื่อถือ ด้วยความมีมิตรไมตรีี

วิสัยทัศน์

            มุ่งพัฒนาสู่ความเป็นเลิศในการให้บริการสารสนเทศ ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อความเป็นมาตรฐานสากล

ภารกิจหลัก

           1.จัดสำนักหอสมุดให้เป็นศูนย์รวมวิชาการในรูปแบบของศูนย์บริการสารสนเทศ ในทุกรูปแบบ ตลอดจนเป็นศูนย์บริการเทคโนโลยีทางการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน การศึกษาค้นคว้า และการวิจัยของนิสิตอาจารย์ และบุคลากรอื่น ๆ ของมหาวิทยาลัย
           2. พัฒนาสำนักหอสมุดให้เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ และห้องสมุดดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ
           3.ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกันของหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยโดย พัฒนาเครือข่ายห้องสมุดของมหาวิทยาลัยบูรพา (Burapha University Library Network)
           4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรสำนักหอสมุดผลิตผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาการดำเนินงานและการให้บริการสารสนเทศ
           5. พัฒนากลไกการประกันคุณภาพการดำเนินงานและการให้บริการของสำนักหอสมุด

เป้าหมายการดำเนินงาน

           1. เพื่อสนับสนุนด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย ให้บรรลุตามภารกิจหลัก 4 ประการ คือ การเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการแก่ชุมชน และการส่งเสริมทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
           2. เพื่อจัดหาและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศทุกรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ
           3. เพื่อจัดระบบทรัพยากรสารสนเทศให้ผู้ใช้เข้าถึงได้สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และตรงตามความต้องการโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
           4. เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน

พันธกิจ

           สำนักหอสมุด มีหน้าที่หลักในการสนับสนุนการเรียนการสอนและการวิจัยในมหาวิทยาลัยบูรพา โดยการจัดหา จัดเก็บ จัดระบบ บำรุงรักษา และให้บริการสารสนเทศทางวิชาการในทุกรูปแบบ ตลอดจนพัฒนาระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และห้องสมุดดิจิทัล สำนักหอสมุดให้บริการเทคโนโลยีการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมี ประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานสากล สามารถเชื่อมโยงการดำเนินงานและการให้บริการในลักษณะเครือข่ายห้องสมุดทั้ง ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ในระดับชาติและนานาชาติ โดยเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยความสะดวก รวดเร็ว และจิตสำนึกในการให้บริการที่ดี

โครงสร้างองค์กรสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา


บุคลากรสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา









          หลักการดำเนินงานของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา มีหลักการจัดการ โดยการใช้คน ทรัพยากร เทคนิคต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ หรือแผนงานที่วางไว้

ทรัพยากรในการจัดการ ตามหลัก  4MA  2MO 1ME 
           
           1. Man : คน
           2. Materials : วัสดุ
           3. Machine : เครื่องจักร
           4. Market : การตลาด/การประชาสัมพันธ์
           5. Money : งบประมาณ
           6. Moral : ขวัญ กำลังใจ
           7. Method : วิธีการ

กระบวนการบริหารจัดการ (POSDC0RB)

           1. การวางแผน Planing
           2. โครงสร้างองค์กร Organizing
           3. จัดคนเข้าทำงาน Staffing
           4. อำนวยการ/การสั่งการ Directing
           5. การประสานงาน Co-ordination
           6. การรายงาน Reporting
           7. งบประมาณ Budgeting




แหล่งข้อมูล : http://www.lib.buu.ac.th/webnew2/

ขอขอบคุณ ว่าที่เรือตรี ดร. อุทิศ บำรุงชีพ อาจารย์ประจำภาควิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์  และคณะวิทยากรประจำสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ที่ให้การอำนวยความสะดวกและความรู้ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับสำนักหอสมุด 




วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประเภท และหลักการจัดหาทรัพยากรการเรียนรู้

คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้


1. ข่าวของมหาวิทยาลัยบูรพาในหน้าหนังสือพิมพ์จัดอยู่ในประเภทของทรัพยากรการเรียนรู้ใด และมีชื่อเรียกว่าอะไร

ตอบ          ประเภทสื่อทรัพยากรการเรียนรู้ที่ตีพิมพ์ คือ สิ่งพิมพ์ที่มีการบันทึกความรู้ ความคิดของมนุษย์นามารวบรวมเป็นเล่ม ให้ผู้อ่านได้ศึกษาค้นคว้าและใช้อ้างอิง เรียกว่า "สิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง" คือ สิ่งพิมพ์ที่ออกต่อเนื่องกันตามกำหนดเวลา ได้แก่ หนังสือพิมพ์รายวัน คือ สิ่งพิมพ์ที่กำหนดออกเป็นประจำ
ทุกวัน เพื่อนำเสนอข่าว และเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจและสังคม ข่าวการศึกษา ข่าวกีฬา ข่าวธุรกิจ ข่าวบันเทิง บทความทางวิชาการ และสาระน่ารู้ เป็นต้น

ที่มา : http://www.eng.buu.ac.th/index.php?func=1&do=view&id=56 

2. ถ้าต้องการคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์มาให้บริการนิสิตจะมีหลักการอย่างไรในการคัดเลือกสื่อดังกล่าว



ตอบ        หลักการคัดเลือกทรัพยากรการเรียนรู้

  • กำหนดเกณฑ์การประเมิน เพื่อคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์ให้ชัดเจน
  • ต้องสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอนในสถานศึกษานั้น ๆ
  • เนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ นำเสนอเนื้อหาได้ดีเป็นลำดับขั้นตอน
  • เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์
  • สะดวกในการใช้ ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
  • มีคุณภาพ มีเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจนและเป็นจริง
  • ราคาไม่แพงเกินไป
  • ถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน
3. การจัดซื้อทรัพยาการเรียนรู้มีกี่วิธีการ อะไรบ้าง

ตอบ           4 วิธีการ   ได้แก่
                                            
                                   1. จัดซื้อ ตามความต้องการของหน่วยงานเป้าหมายที่จะมาใช้บริการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่ 
                                                 1.1 สั่งซื้อโดยตรง : ในประเทศ / ต่างประเทศ
                                                 1.2 สั่งซื้อผ่านร้าน/ตัวแทนจาหน่าย : ในประเทศ / ต่างประเทศ
                                                 1.3 เว็บไซต์ : ในประเทศ / ต่างประเทศ
                                                 1.4 จัดซื้อในรูปภาคีร่วมกับศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ

                                    2. รับบริจาค : องค์กร/หน่วยงานที่ต้องการเผยแพร่ข้อมูล บุคคล


                                    3. ผลิตเอง : วีดิทัศน์ ภาพถ่าย บันทึกการประชุม/สัมมนา สแกนภาพ


                                    4. แลกเปลี่ยน : ในการให้บริการระหว่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ในเครือข่าย

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 การเขียนรายงานผลการดำเนินงาน Reporting

          การรายงานผลมีความสำคัญอย่างไร 
ต่อการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

        
          การรายงานผลการดำเนินงานการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญในการแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบให้กับผู้บังคับบัญชา หรือสาธารณชนได้รับทราบผลการดำเนินงาน และเป็นการนำเสนอเพื่อปรับปรุงในการดำเนินงานครั้งต่อ ๆ ไป


หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การประสานงาน CO-ORDINATION

ที่มา : http://www.thaihrwork.com/wp-content/uploads/2011/04/work38.jpg

สิ่งสำคัญเบื้องต้นของการประสานงาน
        1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่ายและเหมาะสม
        2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องกัน
        3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ทาไว้ดี
        4. มีเหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ
        5. การประสานงานโดยวิธีควบคุม

1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่าย (Simplified Organization) ในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การจัดวางหน่วยงานควรคานึงถึง
  • การแบ่งแผนก ซึ่งช่วยในการประสานงาน กล่าวคือ การจัดแผนกต่าง ๆ บางแผนกมีความจำเป็นต้องประสานกันควรอยู่ใกล้ชิดกัน เนื่องจากการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้ที่ทำงานอันเกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น
  • การแบ่งตามหน้าที่
  • การจัดวางรูปงานและระเบียบการที่ชัดแจ้งแก่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง
2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องต้องกัน(Harmonized Program and Policies)

3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ทำไว้ดี (Well –Designed Methods of Communication) เครื่องมือที่ช่วยในการติดต่อส่งข่าวคราวละเอียด ได้แก่
  • แบบฟอร์มในการปฏิบัติงาน (Working Papers) 
  • รายงานเป็นหนังสือ (Written report) 
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการติดต่องาน เช่น ระบบการติดต่อภายใน โรงพิมพ์ เป็นต้น
4. เหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ (Aids to Voluntary Coordination) การประสานงานส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากการร่วมมือโดยสมัครใจของบุคลากรในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

5. ประสานงานโดยวิธีควบคุม (Coordination through Supervision) หัวหน้างานมีหน้าที่จะต้องคอยเฝ้าดูการดำเนินปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้อง และจะต้องใช้วิธีประเมินผลการปฏิบัติงานทุกระยะจะได้ทราบข้อบกพร่องหาทางแก้ไขให้การปฏิบัติงานถูกต้องยิ่งขึ้น


เทคนิคการประสานงาน (Techniques Coordination) 
  • จัดให้มีระบบการติดต่อสื่อสารทั้งภายในหน่วยงาน และภายนอกหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การกำหนดอำนาจหน้าที่ และตำแหน่งงานอย่างชัดเจน
  • การสั่งการ และการมอบหมายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
  • การใช้คณะกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ประสานงาน โดยเฉพาะการประสานงานภายในองค์การ
  • การจัดให้มีการประสานงานระหว่างพนักงานในองค์การ
  • การจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาผู้
อุปสรรคของการประสานงาน 
  • การขาดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้วยกันจะกลายเป็นสาเหตุทำให้การติดต่อประสานงานที่ควรดำเนินไปด้วยดี ไม่สามารถกระทำได้ 
  • การขาดผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารที่มีความสามารถ 
  • การปฏิบัติงานไม่มีแผน ซึ่งเป็นการยากที่จะให้บุคคลอื่น ๆ ทราบวัตถุประสงค์และวิธีการในการทำงาน
  • การก้าวก่ายหน้าที่การงาน 
  • การขาดการติดต่อสื่อสารที่ดี ย่อมทำให้การทำงานเป็นระบบที่ไม่ดีของความร่วมมือ ขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
  • การขาดการนิเทศงานที่ดี
  • ความแตกต่างกันในสภาพและสิ่งแวดล้อม
  • การดำเนินนโยบายต่างกันเป็นอุปสรรคต่อการประสานงาน
  • ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างกันจะเป็นการยากที่จะก่อให้เกิดมีความร่วมมือและประสานงานกันเพราะแสดงว่ามีฝีมือคนละชั้น
  • การทำหน้าที่ความรับผิดชอบ และอำนาจไม่ชัดแจ้ง ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความกังวลใจและอาจไปก้าวก่ายงานของบุคคลอื่นก็ได้
  • ระยะทางติดต่อห่างไกลกัน
  • เทคนิคและวิธีการปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานแตกต่างกัน เนื่องมาจากการกุมอำนาจหรือการกระจายอำนาจมากเกินไป

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การบริหารงานบุคคล ประจำศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

ที่มา : http://www.synaptic.co.th/managing_a_successful_sales_team_th.html

แบบทดสอบท้ายบท

1. อธิบายภารกิจหรือกิจกรรมที่สำคัญๆ ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง

ตอบ        ภารกิจหรือกิจกรรมที่สำคัญในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่
               
                1. การเลือก จัดหา การลงทะเบียน ทำบัตรรายการ การบริการการใช้ ตลอดจนเก็บบำรุงรักษาวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ

                2. การผลิตสื่อการสอน เช่น ผลิตวัสดุกราฟิก การบันทึกเสียง ทำรายการวิทยุและโทรทัศน์

                3. จัดกิจกรรมทางวิชาการ เช่น การฝึกอบรมครูประจำการ การวิจัย การจัดนิทรรศการ ตลอดจนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

                4. การบริหาร เช่น การจัดบุคลากร การนิเทศ การบันทึกรายการ การติดต่อประสานงานและการทำงบประมาณ เป็นต้น

                5. การประเมินกิจกรรมต่างๆ

2. ถ้าหากพิจารณาบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะประกอบด้วยบุคคลด้านใดบ้าง


ตอบ        ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ไม่ว่าจะจัดในรูปแบบใดก็ตามจะมีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญจำแนกได้ดังนี้

                1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงาน เพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยต้องมีฝ่ายรับผิดชอบ ดังนี้

                    1.1 หัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่า หัวหน้าศูนย์หรือผู้อำนวยการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ก็ได้จะเรียกชื่ออย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับขอบข่าย และปริมาณงานที่รับผิดชอบ โดยทั่วไปจะเป็นบุคคลที่จบการศึกษาด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาที่มีความรู้ ด้านบริหาร ออกแบบ นิเทศการศึกษา การวิจัย การผลิต และการให้บริการสื่อการศึกษามาก่อน

                    1.2 หัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่าย จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบงานในแต่ละฝ่าย เช่น หัวหน้าฝ่ายผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ หัวหน้าฝ่ายการบริการสื่อ เป็นต้น ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ในแต่ละสถาบันจะมีงานอะไรบ้างนั้นก็พิจารณาได้จากการวิเคราะห์งานและภารกิจ หัวหน้างานต้องมีความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับการผลิต การใช้และการบริการสื่อมาก่อน

                    1.3 เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุม การจัดการงานต่างๆ เช่น งานธุรการ งานบุคคล งานพัสดุ งานจัดระบบงาน ฯลฯ

                    1.4 พนักงานธุรการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านต่างๆ บุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวกับด้านนี้ โดยทั่วไปจะใช้ผู้ที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้ เช่น งานธุรการหรืองานสารบรรณ งานดำเนินการจัดซื้อพัสดุ งานครุภัณฑ์ งานจัดทำทะเบียนและเบิกจ่ายพัสดุครุภัณฑ์ของสำนักงาน
                    
                    1.5 เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลต่างๆลงในคอมพิวเตอร์หรือพิมพ์เอกสาร หนังสือโต้ตอบ หนังสือคำสั่ง รายงานการประชุม เป็นต้น

               2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่นำโครงการต่างๆ ออกสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
                   นอกจากนั้นแล้วด้านการบริการยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการสำรวจและจัดหา จัดเก็บแยกหมวดหมู่ และจัดทำทะเบียนบัญชีสื่อ รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมบารุงสื่อด้วย โดยมีฝ่ายที่รับผิดชอบ เช่น

                    2.1 บรรณารักษ์ โดยจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหา การให้เลขหมู่
ทำบัตรรายการ เก็บรวบรวมสถิติ ให้คำปรึกษาและบริการในการค้นหาสื่อต่างๆ
          

                    2.2 นักวิชาการคอมพิวเตอร์ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการติดตั้งการใช้คอมพิวเตอร์ ดูและระบบคอมพิวเตอร์และปฏิบัติงานหน้าที่อื่นๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
                    2.3 นายช่างอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงรักษา ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปฏิบัติการเกี่ยวกับเสียง ช่างตัดต่อ ช่างกล้อง จัดซื้อจัดหา ทำบัญชีวัสดุอุปกรณ์ เป็นต้น โดยมากบุคลากรที่รับผิดชอบด้านนี้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ ทางช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้า หรือ ช่างวิทยุและโทรคมนาคม

              3. ด้านการผลิตสื่อ บุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น

                    นักวิชาการโสตทัศนศึกษา จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการออกแบบและผลิตสื่อการเรียนการสอนในระดับต่างๆ การออกแบบประเมินและวิจัยสื่อ ซึ่งบุคลากรที่รับผิดชอบด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาอย่างต่ำระดับปริญญาในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา วารสารศาสตร์ ศิลปศึกษา เทคโนโลยีการพิมพ์ เป็นต้น
                    นักวิชาการช่างศิลป์ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านการออกแบบภาพประเภทต่างๆ ตัวอักษรประกอบคำบรรยายออกแบบแผ่นป้าย แผนภาพประชาสัมพันธ์ ทำรูปปั้นจำลองสื่อวัสดุสามมิติและอื่นๆ นอกจากนั้นยังเป็นผู้กำหนดและประมาณการขั้นต้นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติทางด้านศิลปะ หรือวัสดุที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติกราฟิก


                    นายช่างภาพ มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการเตรียมจัดหา และเก็บรักษาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพและในห้องปฏิบัติการถ่ายภาพ ล้างอัดขยายภาพ จัดเก็บรักษาฟิล์มโดยบุคลากรในด้านนี้ต้องเป็นผู้มีความรู้ในทางการถ่ายภาพไม่ต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง

               4. ด้านวิชาการ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการศึกษาค้นคว้า พัฒนาและเผยแพร่ผลงาน สร้างวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับการผลิตและการใช้สื่อ จัดการฝึกอบรม การเผยแพร่ความรู้ การประเมินคุณภาพสื่อ การประเมินการบริการ เป็นต้น
                   นอกจากนั้นแล้วฝ่ายวิชาการยังต้องวิจัยและพัฒนาสื่อการศึกษาทั่วไปและวิจัยสื่อรวมถึงการพัฒนาสื่อให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ฉะนั้นบุคลากรฝ่ายนี้จึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความชำนาญทั้งด้านการศึกษา ด้านการวิจัยและมีความรู้เทคโนโลยีทางการศึกษา ผู้ซึ่งรับผิดชอบ ได้แก่ 

                     นักวิชาการศึกษา มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการวิจัยและเป็นผู้ช่วยในการวิจัยสื่อต่างๆ รวมถึงเป็นผู้ช่วยในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
                     นักวิจัย มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการวิจัยและพัฒนาสื่อร่วมกับนักวิชาการโสตทัศนศึกษา และเป็นผู้ออกแบบในการวิจัย รวมถึงการวิเคราะห์และสรุปผลการวิจัยสื่อ

               5. ด้านการปรับปรุงการเรียนการสอน ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเป็นสำคัญในการจัดหาสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหาแต่ละวิชาตามความจำเป็นให้เพียงพอ และยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ครูอาจารย์ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษา

               6. ด้านกิจกรรมอื่น เช่น มีบทบาทหน้าที่ประชาสัมพันธ์สถาบันต่อชุมชนจัดนิทรรศการหรือจัดการแสดงความก้าวหน้าต่างๆ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ควรมีกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่สังคม และจัดแสดงสาธิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผู้สนใจ การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง


3. ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จำแนกเป็นประเภทที่สำคัญได้กี่ประเภท

ตอบ       ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
                 
               1. บุคลากรทางวิชาชีพ (Professional Staff) ได้แก่ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาระดับปริญญา ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ (Media Specialists) หรือบางที่อาจเรียกว่า "นักวิชาการการโสตทัศนศึกษา" ก็ได้ส่วนใหญ่บุคลากรกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร อำนวยการประสานเกี่ยวกับสื่อ และอำนวยการให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 


               2. บุคลากรกึ่งวิชาชีพ (Paraprofessional Staff) คือ บุคคลที่ได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพโดยมีหน้าที่ช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาชีพเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือด้านบริการ

               3. บุคลากรที่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพ (Non-professional Staff) บุคลากรประเภทนี้ทำหน้าที่ทางด้านธุรกิจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งจะมีคุณวุฒิหลากหลายจะใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะในหน้าที่ของตน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจำนวนบุคคลในแต่ละประเภทจะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับนโยบาย ขนาดหรือปริมาณของงาน ขอบเขตของการให้บริการ ลักษณะของระบบงานบริการ จำนวนผู้ใช้บริการ และงบประมาณของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละแห่งเป็นสำคัญ


4. ท่านมีขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน มาใช้บริการในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร จงอธิบาย

ตอบ       การจัดการหาสื่อเพื่อบริการ ในการจัดหาสื่อมาไว้บริการภายในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว มีระบบ ระเบียบ สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้

              ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นการสำรวจสภาพของสื่อในสถานศึกษา เพื่อสำรวจหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นข้อมูลมาประกอบการจัดหา ได้แก่
                                  1. การสำรวจสื่อวัสดุ (Materials) การสำรวจสื่อวัสดุมีรายการที่ต้องการทราบ คือ ชนิดของวัสดุ  ชื่อเรื่อง  แหล่งที่เก็บ (Location)  แหล่งที่ได้มา สภาพการใช้งานปัจจุบัน

                                  2. การสำรวจเครื่องมือ (Equipments) ชนิดของเครื่องมือ แบบ/รุ่น แหล่งที่เก็บ แหล่งที่ได้มา จำนวน สภาพการใช้งานปัจจุบัน

              ขั้นตอนที่ 2 การสำรวจสถานที่ เป็นขั้นตอนการสำรวจวางแผนจะใช้สถานที่ส่วนใดบ้างในการทำกิจกรรม เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่ามีสถานที่และสิ่งอานวยความสะดวกที่ต้องการมีเพียงพอแล้วหรือยัง และจะต้องการจัดหาอะไรเพิ่มเติมบ้าง

              ขั้นตอนที่ 3 การสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อต้องการทราบถึงความต้องการใช้สื่อประเภทต่างๆ โดยนำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการจัดหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นก่อนการจัดหาหรือจัดซื้อสื่อมาไว้บริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวจและศึกษาความต้องการของผู้ใช้ก่อนเสมอ
              การสำรวจความต้องการใช้สื่อในการเรียนการสอนสามารถทำได้หลายลักษณะ ได้แก่

             1. การสัมภาษณ์ ซักถามเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มย่อย
             2. การสังเกต เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ต้องการข้อมูล สามารถนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลโดยดูจากพฤติกรรมการใช้สื่อที่มีมาแต่เดิม
             3. การใช้แบบสอบถาม เป็นการสำรวจที่ได้รายละเอียดมากกว่าแบบอื่นๆ

             ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นการจัดหา โดยนำข้อมูลที่ได้มาจากความต้องการแล้วทำเป็น
โครงการสั้นๆ หรือโครงการระยะยาว เพื่อวางแผนในเรื่องงบประมาณในการจัดหาต่อไป ในการจัดซื้อผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญของผู้ใช้ โดยจัดซื้อเฉพาะสื่อที่มีคุณภาพ ประหยัดงบประมาณ ก่อนจัดซื้อสื่ออะไรมาไว้บริการจะต้องมีการประเมินค่าสื่อนั้น โดยคณะกรรมการประเมินค่าสื่อเพื่อพิจารณาว่าสื่อหรือวัสดุอุปกรณ์มีคุณค่าต่อการเรียนการสอนมากน้อยเพียงไร มีข้อดีและข้อจากัดอย่างไร เพื่อให้การจัดซื้อจัดหาสื่อมาไว้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่


5. อธิบายวิธีการจัดซื้อจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมและบริการ ท่านมีหลักเกณฑ์สำคัญ อะไรบ้าง

ตอบ     ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อสื่อการศึกษา

             การจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนต่างๆ ของส่วนราชการจะต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 คาว่า “พัสดุ” ในระเบียบดังกล่าว หมายถึง วัสดุ ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างในระเบียบดังกล่าว ได้ระบุการซื้อไว้ว่าสามารถกระทำได้ 5 วิธี คือ (วนิดา (นิ่มเสมอ) จึงประสิทธิ์. ม.ป.ป. : 37 )


            1. วิธีตกลงราคา
            2. วิธีสอบราคา
            3. วิธีประกวดราคา
            4. วิธีพิเศษ
            5. วิธีกรณีพิเศษ



            วิธีตกลงราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาไม่เกิน 50,000 บาท มีวิธีการ คือ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุต่อรองและตกลงราคากับผู้ขาย แล้วให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ

            วิธีสอบราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกินกว่า 20,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท การซื้อโดยวิธีสอบราคาให้ดำเนินการ ดังนี้

            1. หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการการเปิดซองสอบราคา และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ
            2. ก่อนวันเปิดซองไม่น้อยกว่า 7 วัน ให้หัวหน้าส่วนราชการปิดใบแจ้งสอบราคาไว้โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของส่วนราชการนั้น กับให้ส่งใบแจ้งสอบราคาดังกล่าว ไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เสนอราคาเป็นหนังสือผนึกซองยื่นต่อเจ้าหน้าที่พัสดุโดยตรง หรือโดยผู้แทนซึ่งได้รับมอบหมายหนังสือภายในวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด
            3. ให้เจ้าหน้าที่พัสดุรับซองใบเสนอราคาที่ยื่นมาทุกรายโดยไม่เปิดซอง เมื่อครบกำหนดแล้วให้ส่งมอบซองใบเสนอราคาพร้อมทั้งรายงานผลการรับซองต่อคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อดำเนินการต่อไป เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองแล้ว ห้ามรับซองใบเสนอราคาจากผู้หนึ่งผู้ใดอีก

            4. คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เปิดซองใบเสนอราคาโดยเปิดเผยต่อหน้าผู้ยื่นซองหรือผู้แทนและตรวจ


           วิธีประกวดราคา ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 1,000,000 บาท มี วิธีดำเนินการ ดังนี้
           
            1. หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งกรรมการ ดังนี้
               1.1 คณะกรรมการรับซองประกวดราคาและเปิดซอง
               1.2 คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
               1.3 คณะกรรมการตรวจรับวัสดุ

            2. ให้ปิดประกาศหรือใบแจ้งประกวดราคา โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของส่วนราชการนั้นและประกาศทางวิทยุกระจายเสียง หรือลงประกาศในหนังสือพิมพ์ของทางราชการ หากเห็นควรจะส่งประกาศหรือใบแจ้งประกวดราคาดังกล่าวไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือจะโฆษณาด้วยวิธีอื่นอีกก็ได้ การดำเนินการจะต้องกระทำก่อนวันรับซองประกวดราคาไม่ร้อยกว่า 15 วัน



            3. การรับซองประกวดราคากระทำได้ 2 วิธี คือ จัดตู้ทึบหรือหีบทึบมีช่องสำหรับสอดซองประกวดราคาไว้ ณ ที่ทำการของผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ตั้งกรรมการรับซองประกวดราคา            4. เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองประกวดราคาแล้ว ให้ส่งมอบตู้หรือหีบบรรจุซองประกวดราคาและเอกสารหลักฐานต่างๆพร้อมด้วยบันทึกรายงานรับซองประกวดราคาต่อคณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา

            5. คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา โดยเปิดซองประกวดราคาอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้เข้าประกวดราคาหรือผู้แทน

            6. คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคา แคตาล็อค หรือรูปแบบและรายละเอียดแล้วคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตามเงื่อนไขใบแจ้งประกวดราคา
            7. พิจารณาคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและเสนอราคาต่ำสุด

            วิธีพิเศษ ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 50,000 บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีใดดังต่อไปนี้
            1. เป็นพัสดุขายทอดตลาด
            2. เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นองค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานของต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ
            3. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการ
            4. เป็นพัสดุเพื่อใช้ในราชการลับ
            5. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อโดยตรงต่างประเทศ หรือดำเนินการโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศ
            6. เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะหรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรง
            7. เป็นพัสดุที่ดำเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี
            8. เป็นพัสดุที่เป็นที่ดินและ/หรือสิ่งก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง




            การซื้อโดยวิธีพิเศษมีวิธีการดำเนินการ ดังนี้

           1. ให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษขึ้น เพื่อดำเนินการเป็นกรณีไป เช่น กรณีที่ต้องจัดซื้อเร่งด่ว นหากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการให้เชิญผู้มีอาชีพขายพัสดุนั้นโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนั้นยังสูงกว่าราคาในท้องตลาด หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรก็ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้
           2. เมื่อดำเนินการแล้วได้ผลประการใดให้คณะกรรมการเสนอรายงานพร้อมด้วยความเห็นต่อส่วนราชการผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุเพื่อการต่อไป

           วิธีกรณีพิเศษ ได้แก่การซื้อในกรณีต่อไปนี้

           1. การซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ทำหรือผลิตวัสดุนั้นๆ ขึ้นเอง และนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อหรือจ้างได้เป็นการทั่วไป หรือเป็นการเฉพาะคราว

           2. การซื้อที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ต้องซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่น ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ
           การส่งซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษให้หัวหน้าส่วนราชการสั่งซื้อจากส่วนราชการหน่วยงานอื่นได้โดยตรง เว้นแต่การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน 20,000 บาท ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อหรือจ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แนะนำศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม



ประเภทของศูนย์ : ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้  สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน


นโยบายของศูนย์
ปรัชญา : แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต เสริมความรู้ ความคิด ภูมิปัญญา

ปณิธาน: มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการบริการสารสนเทศ เพื่อสนองความต้องการ ของผู้ใช้บริการด้วยจิตสำนึกที่ดี และเทคโนโลยีที่ทันสมัย

วิสัยทัศน์
                สำนักวิทยบริการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ชั้นนำในการสนับสนุนการเรียนการสอน การวิจัย การบริการชุมชน เพื่อผลักดันให้มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศและมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชนอันดับ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พันธกิจ
                1. พัฒนาทรัพยากรสารสนเทศการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบ และครอบคลุมทุกสาขาวิชา เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน และการวิจัย
                2. พัฒนารูปแบบการให้บริการสารสนเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต
                3. พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความเป็นเลิศในการจัดระบบและให้บริการสารสนเทศ
                4. ส่งเสริมการบริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
                5. จัดหา จัดระบบ บริการ อนุรักษ์ เผยแพร่ และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของอีสาน
                6. เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุด

วัตถุประสงค์
                1. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ และให้บริการทรัพยากรสารสนเทศที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สนับสนุนจัดการเรียนการสอน ศึกษาค้นคว้า และวิจัยของมหาวิทยาลัยและสังคม โดยมีการพัฒนาทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบและครอบคลุมทุกสาขาวิชา
                2. เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต
                3. เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความเป็นเลิศในการจัดการและให้บริการสารสนเทศ
                4. เพื่อส่งเสริมการบริการวิชาการแก่ชุมชน
                5. เพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานให้ยั่งยืน
                6. เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุด

กลุ่มเป้าหมายของศูนย์ : คณาจารย์ นิสิต และบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และบุคคลทั่วไปในชุมชน


โครงสร้างฝ่ายงานรับผิดชอบ


อ้างอิงที่อยู่เว็บไซต์ : http://www.library.msu.ac.th/web/?rescanhp=yes&20091124090329_205

ประเภทศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ แบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษา

แบ่งได้ 3 ประเภท 

1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึง หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่ 
  •  ศูนย์สื่อการศึกษา หรือหน่วยบริการสื่อการศึกษา
  •  ศูนย์โสตทัศนศึกษา หรือหน่วยโสตทัศนศึกษา
  •  ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา หรือหน่วยเทคโนโลยีการศึกษา
  •  ศูนย์วิทยาการ หรือสถาบันวิทยบริการ
  •  ศูนย์ทรัพยากรการศึกษา หรือศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
ชื่อเรียกศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่
       ศูนย์วัสดุการเรียน, ศูนย์โสตทัศน์และห้องสมุด, ศูนย์วัสดุอุปกรณ์การศึกษา ศูนย์สื่อการสอน,
ศูนย์โสตทัศนวัสดุ, ศูนย์วัสดุการสอนหรือศูนย์วัสดุการศึกษา ศูนย์โสตทัศนูปกรณ์ หรือหน่วยบริการโสตทัศนูปกรณ์, สำนักเทคโนโลยีการศึกษา, ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา เป็นต้น


2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ หมายถึง เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีเป้าหมาย โดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพ, ศูนย์การเรียน เป็นต้น

3. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย 
หมายถึง เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้ โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต  เช่น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นต้น

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ะละประเภทแตกต่างกันอย่างไร


ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน จะมีหน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอน และจะเน้นการเรียนการสอนตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งสนับสนุนการเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อ วัสดุ อุปกรณ์

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ 
จะมีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต


ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามความสนใจเป็นแหล่งความรู้ต่างๆ ที่เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต


ตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ทั้ง 3 ประเภท


1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบ
   
    1.1 ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยบูรพา

   Image
    
     ที่ตั้ง : ชั้น 3 ห้อง 300 อาคาร 60 พรรษามหาราชินี (QS 1 ) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
                 ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 20131  โทรศัพท์ (038) 745900 ต่อ 2080
    กลุ่มเป้าหมาย : คณาจารย์ นิสิต และบุคลากรคณะศึกษาศาสตร์
    อ้างอิง : http://www.edu.buu.ac.th/lrc/index2.html
    1.2 สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา

    ที่ตั้ง : สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา 169, ถนนลงหาดบางแสน, ต.แสนสุข อ.เมือง                                      จ.ชลบุรี 20131  โทร. 038-102460, 038-102475, 038-102476 โทรสาร 038-390049
    กลุ่มเป้าหมาย : คณาจารย์ นิสิต และบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา
    อ้างอิง : http://www.lib.buu.ac.th
   
   1.3 สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยบูรพา


    ที่ตั้ง : สำนักคอมพิวเตอร์ 169 ถ.ลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี  20131
              โทร. 038-104141
    กลุ่มเป้าหมาย : คณาจารย์ นิสิต และบุคลากรของมหาวิทยาลัยบูรพา  วิทยาเขต และหน่วยงาน                                         ภายนอก
    อ้างอิง :  
http://www.ict.buu.ac.th

2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้นอกระบบ
    2.1 ศูนย์การเรียนรู้ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม

   
    ที่ตั้ง : โรงบำบัดน้ำเสียส่วนกลางนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง 49/19 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา
              จ.ชลบุรี  โทร. 038- 490482

 
    กลุ่มเป้าหมาย : บุคคลทั่วไป
    อ้างอิง : http://www.gusco.co.th

    2.2 ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และศูนย์สาธิตและส่งเสริมงาน
ศิลปาชีพ ภาคเหนือ


    ที่ตั้ง : ศูนย์การเรียนรู้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภาคเหนือ ถนนแม่ริม ต.แม่สา อ.แม่ริม                                      จ.เชียงใหม่ โทร. 053-299758    
    กลุ่มเป้าหมาย :
สำหรับเยาวชน เกษตรกร และประชาชนทั่วไป
    อ้างอิง : http://www.northernstudy.org/

    2.3 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 3 ชลบุรี

    
    ที่ตั้ง :  145 หมู่ 1 ต. หนองไม้แดง อ. เมือง จ. ชลบุรี 20000 โทร. 038-276445
    กลุ่มเป้าหมาย : บุคคลทั่วไป
    อ้างอิง : http://www.tabunchon.com/

3.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ตามอัธยาศัย

   3.1 สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา


   ที่ตั้ง : สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา 169 ถ.ลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง                   จ.ชลบุรี 20131  โทรศัพท์ : 0-3839-1671-3 แฟ็กซ์ : 0-3839-1674
   กลุ่มเป้หมาย : นักเรียน นิสิต/นักศึกษา และบุคคลทั่วไป
   อ้างอิง : http://www.bims.buu.ac.th/Pages/index3.aspx


   3.2 สวนสัตว์เปิดเขาเขียว


   ที่ตั้ง : 235 ม.7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110 โทร. 038-318444
   กลุ่มเป้าหมาย : บุคคลทั่วไป
   อ้างอิง :  http://www.kkopenzoo.com/th_home.php

   3.3 พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

  
   ที่ตั้ง : เขาหมาจอ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20180 โทร. 038-432471, 038-432473
   กลุ่มเป้าหมาย : เยาวชนและประชนทั่วไป
   อ้างอิง : http://www.tis-museum.org/